แม่สอด วันที่ 13 ก.ค. – นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวถึงการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อร้องเรียนของเหยื่อค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์ชาวต่างชาติ ผ่านเครือข่ายภาคประชาสังคมช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งมี 179 คน จาก 10 ชาติ และมี 3 พิกัดเร่งด่วน 93 คน ได้แก่ พื้นที่กองกำลัง DKBA กองกำลัง KNLA และกองกำลัง BGF ว่า จากข้อร้องเรียนของเหยื่อที่มีมาอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาคอลเซ็นเตอร์ยังไม่หมดไป และมาตรการ 3 ตัดของรัฐบาลไทย ก็เป็นเพียงมาตรการเฉพาะหน้า อย่างที่ทราบว่าตั้งแต่เดือน ก.พ. มาตรการต่างๆ กระทบกับประชาชนชายแดน แต่ธุรกิจอาชญากรรมข้ามชาติ มีการเตรียมพร้อมทั้งโรงปั่นไฟ การส่งน้ำมัน ทำให้ขบวนการกลับมาใหม่ และทำให้ยากในการปราบปราม
“ดังนั้นถ้าจะปราบต้องใช้องคพยพมากกว่านี้ ฝั่งช่องแคบ DKBA และ BGF จะใช้รัฐบาลจีนอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้องค์กรระห่างประเทศ ต้องใช้เวทีโลก ในการปราบปรามพวกนี้ น่าเกลียดที่สุดคือการค้ามนุษย์ ยังมีคนอยู่ตรงนั้น มีคนท้อง มีการร้องขอความช่วยเหลือ มีการฝังศพด้วย เราต้องผลักดันตรงนี้ อย่าลูบหน้าปะจมูก แก้ไขปัญหาแบบชั่วคราว เฉพาะหน้า เห็นแล้วว่าไม่ได้แก้ไข พวกฝั่งนู้นแข็งตัวไปเรื่อยๆ กลุ่มที่ย้ายไปพญาตองซู ไปกัมพูชา ก็กลับมาหมดแล้ว” สส.พรรคเป็นธรรม กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวว่า การปราบปรามคอลเซ็นเตอร์ จากมาตรการ 3 ตัดของรัฐบาลไทย เป็นเพียงเฉพาะหน้า จนถึงตอนนี้น่าเสียดายมากที่แม้จะสามารถช่วยเหลือชาวต่างชาติได้เกือบ 10,000 คน แต่ไม่สามารถเอาข้อมูลขบวนการคอลเซ็นเตอร์มาใช้เพื่อปราบปรามอย่างจริงจัง ไม่อยากตำหนิทั้งหมดเพราะรัฐบาลก็มีการแก้ปัญหา แต่ไม่มองไปที่ต้นตอปัญหา เพราะที่จริงรัฐบาลต้องสืบสวนสอบสวนกลุ่มคนเหล่านี้ว่ามีโครงข่ายต่าง ๆ อยู่ที่ใด น่าเสียดายที่ไม่สามารถเอาข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเส้นทางการเงินต่าง ๆ มาได้”
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า การแก้ปัญหาเรื่องนี้นอกจากการยกระดับมากกว่าการทำงานร่วมกันรัฐบาลเมียนมา รัฐบาลจีน ต้องขอความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ และต้องประสานกับกะเหรี่ยง 3 ฝ่าย ทั้ง BGF, DKBA และ KNU ให้พูดคุยกันจริง ๆ ในการแก้ปัญหา และการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมคนกว่า 1,000 ชีวิตที่ยังตกค้างอยู่ ตนยังไม่เห็นการแก้ปัญหาทั้งระบบ มีแต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น