อุบลราชธานี – 6 สิงหาคม 2568
เรื่องราวของ นายจันทร์ ถวิลบุญ ชายชราวัย 73 ปี ผู้พิการทางจิตใจ กำลังกลายเป็นกระแสสะเทือนกระบวนการยุติธรรม หลังศาลจังหวัดเดชอุดมมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ให้จำเลยมีความผิดฐานเป็นต้นเหตุไฟไหม้คอกวัว โดยลงโทษปรับ 30,000 บาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายหลักแสน
🧓 ลุงยัน “เผานาตัวเองจริง แต่ไฟลามไม่ได้ – มีถนนกั้น!”
ลุงจันทร์รับว่าเผานาตัวเองจริง แต่ยืนยันว่า
“ผมไม่ได้เผาคอกวัว ไฟมันไปไม่ได้ มีถนนอยู่ตรงกลาง!”
จำเลยไม่มีพยานบุคคล ไม่มีเงินจ้างทนาย แต่เชื่อใน “ความจริง” ว่าตนไม่ได้ทำผิด
🧪 ผลพิสูจน์นิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัด!
ต้นเพลิงอยู่ “ภายในคอกวัว” – ลามจากห้องออกภายนอก
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า
“ต้นเพลิงเริ่มจากภายในห้องที่อยู่ในคอกวัว และลุกลามออกไปภายนอก”
ไม่ใช่จากไฟเผานาที่ลุงจันทร์จุดเอง
⚠️ ญาติตรวจเจอพิรุธ – อัยการไม่ส่งผลพิสูจน์หลักฐาน ไม่เรียกพยานสำคัญ!
ศาลต้องออกหมายเรียกเองภายหลัง
ก่อนวันสืบพยาน ญาติของลุงจันทร์และทนายความตรวจพบว่า
สำนวนไม่มีผลพิสูจน์หลักฐานแนบ
ไม่มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานขึ้นเบิกความ
จึงร้องขอความช่วยเหลือจาก “นายสุรเดช มณีไพศาลสกุล”
ที่ปรึกษากฎหมายระดับต้น ๆ
และเป็น ที่ปรึกษากฎหมายเจ้าของตลาดมหาชัยเมืองใหม่ และที่ปรึกษาตลาดมหาชัยเมืองใหม่
นายสุรเดชเข้าดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเรียกพยานและหลักฐาน
ในที่สุด ศาลมีคำสั่งเรียกเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าสืบต่อหน้า
✊ ญาติเตรียมเดินหน้าร้องทุกหน่วย – ทวงความยุติธรรมให้ลุงชรา
ญาติจะยื่นร้องเรียนต่อ
อัยการสูงสุด
กระทรวงยุติธรรม
คณะกรรมาธิการยุติธรรม
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณาคดี
📌 วันนี้ 6 ส.ค. 2568 – ลุงจันทร์ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ เพื่อสู้ต่อ
แม้จะถูกตัดสินผิด แต่ลุงจันทร์ไม่ยอมแพ้ เดินทางมาศาลเองเพื่อยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์
“ผมมีแต่ความจริง… ผมไม่ได้เผาคอกวัว!”